การออกแบบการเรียนรู้แบบย้อนกลับ (Backward
Design)
Wiggin
ได้เสนอเสนอกระบวนการออกแบบ การเรียนรู้ที่ย้อนกลับ
จากจุดหมายการเรียนรู้และ มาตรฐานที่กําหนดไว้
โดยเริ่มจากจุดหมายการเรียนรู้ที่พึงประสงค์ จากนั้นจึงออกแบบหลักสูตร ออกแบบ
แผนการจัดการเรียนรู้ และออกแบบการประเมินผลการเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน
เริ่มจากจะวิเคราะห์ตั้งแต่ ช่วงแรกของการออกแบบหลักสูตรว่า
หากนักเรียนบรรลุจุดหมายที่กําหนดไว้ จะต้องพิจารณาจากสิ่งใด หรือจากหลักฐานอะไร
จึงจะถือว่านักเรียนได้เกิดความเข้าใจในระดับที่พึงประสงค์
วิธีการนี้จะช่วยให้ครูมี ความชัดเจนในเรื่องจุดหมาย
และออกแบบให้มีความสอดคล้องกันระหว่างกิจกรรมการเรียนการสอนและ
จุดหมายที่พึงประสงค์ การออกแบบแบบย้อนกลับ (backward design)จะมี 3 ขั้นตอนดังนี้
1.
การกําหนดจุดหมายในการจัดการเรียนรู้
2.
การกําหนดหลักฐานที่แสดงว่านักเรียนได้บรรลุจุดหมายการเรียนรู้ที่กําหนดไว้
3.
การวางแผนจัดประสบการณ์การเรียนรู้
การออกแบบการสอนแบบย้อนกลับ
มีหลักการที่ครูต้องทำ
หรือที่เรียกว่า หลัก 6 ต้อง ซึ่งพิมพันธ์
เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข (2552,
หน้า 11-12) ได้เสนอแนะไว้ ได้แก่
1.
ต้องเริ่มต้นด้วยการสร้างหน่วยการเรียนรู้บูรณาการเชิงมาตรฐานการเรียนรู้ (integrated
unit of learning) ซึ่งอาจเป็นหน่วยการเรียนรู้บูรณาการภายในกลุ่มสาระการเรียนรู้เดียวกัน
(intradisciplinary integrated unit of learning) หรือหน่วยการเรียนรู้ระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้
(interdisciplinary integrated unit of learning)
2.
ต้องเน้นผลการเรียนรู้ที่คาดหวังตามวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจที่คงทน
พัฒนาทักษะ การคิดทั่วไป และพัฒนาลักษณะที่เอื้อต่อการเป็นผู้เรียนรู้
ผู้สืบค้นรวมทั้งนักคิด
3.
ต้องเน้นการประเมินผลการเรียนรู้ที่มีการประเมินการปฏิบัติ การทำกิจกรรม การทดลอง
และการประเมินผลงานชิ้นงานและภาระงาน หรือกล่าวโดยสรุป คือการประเมินตามสภาพจริง
4.
ต้องจัดประสบการณ์การเรียนรู้เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยใช้รูปแบบการสอน
วิธีสอน แนวการสอนเป็นยุทธศาสตร์การสอน
5.
ผู้เรียนต้องเป็นผู้สร้างความรู้ด้วยตนเองโดยผ่านการทำกิจกรรม 6.
ต้องให้ผู้เรียนทำกิจกรรมที่เป็นการประยุกต์ใช้ความรู้หรือถ่ายโยงความรู้
ซึ่งผลงาน/ ชิ้นงาน
ที่นักเรียนสร้างขึ้นจะเป็นหลักฐานหรือร่องรอยเชิงประจักษ์ของการใช้ความรู้
การกําหนดจุดหมายในการจัดการเรียนรู้
ผู้สอนจะพิจารณาว่าผู้เรียนมีความรู้พื้นฐานที่เป็นสาระสําคัญและรู้อะไรแล้ว
กําหนดขอบข่ายว่า นักเรียนจําเป็นต้องรู้สาระอะไร และจะต้องทําอะไรได้
ผู้เรียนควรทําความเข้าใจในเรื่องใด ควรทําอะไรได้ บ้าง
และควรมีความเข้าใจที่ลุ่มลึกและยั่งยืนในเรื่องใด Wiggin ได้เสนอเกณฑ์พิจารณากําหนดจุดหมาย 4 ประการ ได้แก่
1.
จุดหมายในการจัดการเรียนรู้นั้น
เป็นประเด็นหลักที่จะมีคุณค่านอกบริบทการเรียนการสอน ในห้องเรียนหรือไม่
ความเข้าใจที่ยั่งยืนต้องไม่เป็นเพียงข้อมูลหรือทักษะ เฉพาะเรื่องเท่านั้น
แต่จะต้องเป็น เรื่องหลัก ประเด็นหลัก ที่สามารถนําไปปรับประยุกต์ในสถานการณ์อื่นๆ
นอกห้องเรียน
2.
จุดหมายในการจัดการเรียนรู้นั้น เป็นหัวใจของศาสตร์ ที่เรียนหรือไม่
นักเรียนควรมีโอกาส ผ่านกระบวนการของศาสตร์นั้น ๆ
เพื่อจะได้เรียนรู้ว่าองค์ความรู้ในศาสตร์นั้นๆ เกิดขึ้นได้อย่างไร
3.
จุดหมายในการจัดการเรียนรู้นั้น ต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ
เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจ เพียงใด มีเนื้อหาสาระเป็นจํานวนมากที่ซับซ้อน ยาก
และเป็นนามธรรมเกินที่นักเรียนจะเข้าใจได้ด้วย ตนเอง หัวข้อเหล่านี้
ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ และควรบรรจุในการเรียนการสอนมากกว่าเนื้อหาที่เข้าใจ
ง่าย ที่นักเรียนอาจเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
4.
จุดหมายในการจัดการเรียนรู้นั้น เอื้อต่อการมีส่วนร่วมของนักเรียน มีหลายหัวข้อ
หลาย กิจกรรมที่นักเรียนสนใจตามวัยอยู่แล้ว สามารถเลือกมาใช้เพื่อเป็น “ประตู”
ไปสู่เรื่องอื่นที่ใหญ่กว่า หาก สามารถเชื่อมโยงเรื่องที่เรียนไปสู่เรื่องที่นักเรียนสนใจ
จะช่วยทําให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าต่อเนื่องด้วยตนเอง ต่อไป
การวางแผนการจัดการเรียนรู้
เมื่อมีความชัดเจนเกี่ยวกับจุดหมายการเรียนรู้และหลักฐานที่เป็นรูปธรรมแล้วผู้สอนสามารถเริ่ม
วางแผนการจัดการเรียนรู้ได้ โดยอาจตั้งคําถามดังต่อไปนี้
ความรู้และทักษะอะไรจะช่วยให้นักเรียนมีความสามารถตามจุดหมายที่กําหนดไว้
กิจกรรมอะไรจะช่วยพัฒนานักเรียนไปสู่จุดหมายดังกล่าว
สื่อการสอนจึงจะเหมาะสมสําหรับกิจกรรมการเรียนรู้ข้างต้น
การออกแบบโดยรวมสอดคล้องและลงตัวหรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น